มิลาน 2022

เมืองมิลาน(Milan) ประเทศอิตาลี ถือว่าเป็นเมืองผู้นำทางแฟชั่นระดับโลก กันเลยทีเดียว แบรนด์เนมดังๆ เช่น Prada(Milano) Versace และอื่นๆอีกมากมาย เมืองมิลานเองยังมีประชากรมากเป็นอันดับสองรองจากกรุงโรม ไม่ว่าใครก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศของเมืองที่ผสมผสานความเก่าแก่และทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2022 แอดและครอบครัวได้มีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่ เมือง เวโรน่า อิตาลี ประมาณ 20 วัน เราไม่พลาดการเดินทางท่องเที่ยวไปชมเมืองต่างๆในประเทศอิตาลี แน่นอน

พอบินถึงเมืองเวนิส( Venice ) เราออกจากสนามบินโดยรถส่วนตัว เข้าพักกับครอบครัวที่ เวโรน่า เราพักผ่อนกันเต็มที่ จากนั้นวันที่ 2 เราไม่พลาดที่จะไปเมืองแห่งแฟชั่น นั้นก็คือ มิลาน(Milano) ไปกันเลย!!!!

เราเริ่มการเดินทางโดยรถไฟฟ้า จากสถานี San Bonifacio (เวโรน่า) และต่อรถไฟฟ้าที่ Verona Porta Nuova(Verona PN)เสียค่ารถไฟฟ้าประมาณ 85 ยูโร( 3 คน) เราสามารถชื้อตั่วที่สถานีรถไฟเองได้เลย เราไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ใช้เวลาเดินทางไปและกลับประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที รถไฟฟ้าที่นี่ตรงเวลามากกกกก…ไปดูกันเลย!! ว่าเราไปไหนกันบ้างใน 1 วัน

เริ่มต้นจากสถานีรถไฟ มิลาน(Milano)

รถไม่ต้องจ้า!!!! เราเดินกันจ้า ตาม GPS 55555 ยั่งว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง”หิวจ้า” หาของกินก่อน ไม่มีอะไรมาก กาแฟ ขนมปัง “ขอบอกเลยว่าที่อิตาลี กาแฟ สุดยอดมากกกก รสชาติดีเยี่ยมทุกร้านจริงๆ 👍👍👍

มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral หรือ Duomo di Milano) เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอันดับหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของมิลาน เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองมิลานอีกทั้งยังเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรมอีกด้วย ลักษณะเด่นของวิหารแห่งนี้คือมียอดแหลมทั้งหมด 135 ยอดทำให้ถูกเรียกว่า”วิหารเม่น” ซึ่งมีลวดลายที่วิจิตและสวยงามมากๆทั่งภายนอกและภายใน ลานหน้าวิหารยังมีการจัดการแสดงต่างๆ เช่นจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงการถ่ายPre wedding อีกด้วย

หลังจากเราเดินชมภายนอกเรียบร้อย ก็ได้เวลาเที่ยวชมด้านใน ซึ่งเรา 3 คนได้ทำการจองตั๋วเข้าชมในราคาประมาณ 43 ยูโรต่อ 3 คน คือเที่ยวชมทั้งหมดของวิหาร ที้งหลังคา ระเบียง และด้านในวิหาร …ขอบอกก่อนนะคะ เตรียมร่างกายให้พร้อมนะคะ เดินขึ้นบันไดโหด!!ใช้ได้เลยค่ะ บันไดแคบและเล็ก วนหลายรอบกว่าจะถึงด้านบน…ถึงกับหอบกันเลยทีเดียว55555

หลังจากที่เราเที่ยวชมวิหารมิลาน เสร็จเป็นที่เรียบร้อย แอดไม่พลาดแน่นอนกับ ห้างที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีและเป็นหนึ่งในห้างที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย หันหน้าเข้าวิหารมิลาน ห้างจะอยู่ทางซ้ายมือ

กัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล(Galleria Vittorio Emanuel ll) เดินเข้ามาจะพบกับอาคารที่มีหลังคากระจกโค้ง ทางเข้าเป็นประตูโดม ที่นี่คืออีกที่ ที่ผู้มาเยือนมิลานต้องแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและช้อปปิ้งของแบรนด์เนมร้านดัง Prada, Versace, Louis Vuitton, Christian Dior,Findi , Channel และอื่นๆอีกมากมาย แบรนด์ดังต่างๆล้วนเกิดขึ้นจากประเทศอิตาลี

ปลายทางอีกด้านของ Galleria Vittorio Emanuel ll จะเข้าสู่ Piazza del Scala หรือโรงละครโอเปร่า ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงของอิตาลี แต่ที่เด่นที่สุดของจัตุรัสนี้คือ อนุเสาวรีย์ของ เลโอนาโด ดาวินชี่ ศิลปินแห่งยุคเรเนสซองช์ ขนาบข้างด้วยศิษย์เอก 4 คนแทนความสามารถทั้ง 4 ด้านของเขา จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และวิศวกรรม โดยที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทั้งคนมิลานและนักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปกับ เลโอนาร์โด ดาวินชี ซึ่งเราเองก็ไม่พลาดจ้า….

มิลานยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ซึ่งถ้าแอดและครอบครัวมีโอกาสจะไปเที่ยวชมอีกจ้า…….ติดตามบทความที่เที่ยวอื่นๆในประเทศอิตาลีต่อด้วยนะทุกคน

💕💕มิลาน

ณ น่าน นะ

น่านเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคน เป็นเมืองที่งดงามในเรื่องของวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น มีความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะไปเที่ยวน่านฤดูไหนก็สวยงามเสมอ เราได้มีโอกาสไปเที่ยวน่านเมื่อต้นปี 2022 กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ที่น่าน 4 วัน 3 คืน บอกเลยว่า “อยู่น่าน นาน นาน ได้ไหม? 55555

เริ่มเดินทางกันเลย….

เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เรียกว่าขับไปพักไปจ้าาาาา ระยะทาง 651 กิโลเมตรใช้เวลา 8.30 ชั่วโมง แต่สำหรับครอบครัวเราแล้ว 12 ชั่วโมงค่าาาาา ( ความสุขอยู่ระหว่างทาง😁😁)

เมื่อถึงน่าน เราเข้าพักที่โรงแรมในตัวเมือง 1 คืนพร้อมตื่นเช้ามาเที่ยวชมตัวเมืองน่านหนึ่งวันเต็มๆ เริ่มจาก

กองทัพเดินด้วยท้อง! 5555 แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านกินเส้นน่าน คนพื้นที่แนะนำจ้า “บอกเลยอร่อยมากกกกก” เมื่อท้องอิ่มหนังตาก็หย่อน!!! ไม่ใช่ๆ พร้อมเที่ยว ลุย!!!

เริ่มต้นจาก วัดภูมินทร์ เป็นวัดสวยเมืองน่าน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปี อาคารเป็นทั้งอุโบสถและพระวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์หันออกด้านประตูทั้ง 4 ทิศ

จุดเด่นของวัดนอกจากภายนอกแล้ว ภายในยังมัภาพ จิตกรรมฝาผนังปู่ม่านย่าม่าน(เป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงของชาวไทลื้อในสมัยโบราณ) หรือภาพกระซิบรัก อันลือชื่อในภาพมีการกระซิปสนทนากันของผู้ชายสักหมึกกับผู้หญิงแต่งกายไทลื้อเต็มยศ ภาพวาดนี้ประณีตมาก เป็นจุดที่ทุกคนที่มาน่านห้ามพลาดชมกันเลยทีเดียว

ซุ้มลีลาวดี เป็นอีกสถานที่เมื่อไปน่านต้องแวะถ่ายภาพสวยๆให้ได้นะคะ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน

จากนั้นเรา นั่งรถรางชมเมืองน่าน ถือเป็นอีกกิจกรรมที่เราได้เรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองน่าน ผ่านไกด์ที่น่ารัก ใครที่มาเที่ยวและพอมีเวลาอยากให้ลองนั่งนะคะ ไม่ผิดหวังค่ะ

แวะชมวัดศรีพันต้น มีวิหารที่โดดเด่นเป็นสง่าสีทองระยิบระยับ มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดดูอ่อนโยนมีชีวิตชีวา

จากนั้นช่วงบ่าย เราเดินทางไปที่ อำเภอปัว และเข้าพักที่ ปัว 1คืน (โอบวิวรีสอร์ท)

ก่อนเข้าพัก เราแวะกินอาหารและกาแฟที่ ร้าน “กาแฟบ้านไทลื้อ” กาแฟรสชาดเยียมบรรยากาศดีเสิศ!! หลงรักน่านแล้วซิ🤟💕

มาถึงอำเภอปัวแล้ว ยามเย็นอากาศดีๆ ไม่พลาดที่จะขึ้นไปไหว้พระที่วัดภูเก็ต อะ อะ อย่างงกันนะคะ ว่าอยู่ น่าน ทำไม ขื่อวัดภูเก็ต….ฟังทางนี้จ้า วัดภูเก็ต ตั้งตามชื่อหมู่บ้านค่ะ หมู่บ้านชื่อว่า “หมู่บ้านเก็ต” แต่ด้วยวัดตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งทางเหนือเรียก”ดอย” หรือ” ภู ” จึงตั้งชื่อว่า วัดภูเก็ต หมายถึง วัดบ้านเก็ตที่อยู่บนภูจ้าทุกคน ส่วนโบสถ์เป็นโบสถ์ล้านนาประยุกต์ประดับด้วยกระจกสีทั้งหมด ยามเช้าแสงแดดโดนด้านหน้าโบสถ์จะเป็นประกายสวยงามมาก

จุดเด่นของวัด คือ มีระเบียงชมวิวด้านหลังติดทุ่งนาที่กว้างไกลพร้อมด้วยฉากหลังเป็นภูเขาวนอุทยานดอยภูคา มองไปได้ไกลสุดสายตาจริงๆค่ะ

เช้าวันที่ 3 เราเดินทางจาก อ.ปัว ผ่านเส้น ถนนสายลอยฟ้า ผ่านจุดชมวิว 1715 ผ่านบ่อเกลือ ถนนโค้งหมายเลข3 และเข้าพักที่ หมู่บ้านสะปัน เป็นคืนที่ 3

จุดชมวิว 1715 ดอยภูคาระหว่างทางขับรถครอบครัวเราโชดดีมากกกกเจอหมอกที่บอกถึงความสวยงามและอบอุ่น

ถนนโค้งหมายเลย 3 จุดเช็คอินที่ใครมาน่านต้องมีภาพนี้ถ่ายเก็บไว้จ้าา เราก็เป็นอีกคนที่ต้องถ่ายภาพสวยๆสักหน่อย5555

บ่อเกลือโบราณ มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบนภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือน “บ่อเกลือภูเขาหนึ่งเดียวในโลก”มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี และด้วยอำเภอบ่อเกลือ มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม โอบล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี บ่อเหลือจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รอคอยนักเดินทางเข้ามาสัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติและตำนวนการทำเกลือบนที่สูง

จากนั้นเดินทางต่อจนถึง หมู่บ้านสะปัน เป็นชุมชนเล็กๆแสนสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา มีลำธารไหลผ่าน มีที่พักริมธาร บางคนก็แวะค้างคืนที่หมู่บ้านสะปัน เช่นครอบครัวเราก็ได้พักที่นี่ 1 คืน กับชีวิตที่เรียบง่าย อากาศที่หนาวเย็น ลำธารที่เย็นฉ่ำ และสายหมอกที่อบอุ่นในยามเช้า กับกระท่อมน้อยริมธาร (สะปันอิงว้ารีสอร์ท)

อยาก อยู่ น่าน นาน นาน นะ 🌾🌴🌿💕

มีโอกาส แอดกับครอบครัวไม่พลาดการไปน่านแน่นอน รักน่าน💕💕

สยาม..ยามนี้

ยอดผู้ติดเชื้อ” โควิค 19 ” ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขรายงานล่าสุด วันนี้ 30/4/2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1583 เสียชีวิต 15 ราย

ทำให้มีประกาศขอความร่วมมือพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม 6 จังหวัดให้WFHเป็นเวลา 14 วัน โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ค 2564

ล่าสุดแอดได้มีโอกาสไปทำธุระแถวสยาม ทุกพื้นที่แถวสยามที่แอดไป มันช่างเงียบ สงบ ผู้คนแถบไม่มีเลย แอดก็ได้เก็บภาพมาฝาก…เงียบ..สงบ..จริงๆ

ขอให้ทุกคนดูแลดูแลสุขภาพ เช็คอาการด้วยตัวเองเบื้องต้น โดยอาการที่พบบ่อยที่สุด คือ มีไข้ ( สูงติดต่อกัน 48 ชั่วโมง) ไอแห้งๆ ไม่มีเรี่ยวแรง หอบเหนื่อย ไอมีเสมหะ หายใจลำบาก เจ็บคอ ปวดหัว จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส

ทั้งนี้ “อาการโควิคใหม่” เพิ่มเติม คือมีอาการ ตาแดง น้ำมูกไหล ไม่มีไข้ บางรายมีผื่นขึ้น

ถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ก็อยู่บ้าน หรือถ้าจำเป็นต้องออกไปไหน ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด ล้างมือบ่อยๆ ฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง

แอดฝากสายด่วนไว้ให้นะคะทุกคน ด้วยความห่วงใย ดูแลสุขภาพกันนะคะ✌️✌️♥️?

เที่ยวเกาะช้าง(จ.ตราด)

เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่อันดับสามลองมาจากเกาะภูเก็ตและเกาะสมุย ลักษณะของเกาะส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับชับซ้อน สภาพป่าส่วนใหญ่สมบูรณ์มีน้ำตกหลายแห่งบนเกาะ ชายหาดและปาการังที่สวยงาม นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยกันเลยทีเดียว

การเดินทาง สามารถเดินทางได้โดยเครื่องบิน รถโดยสาร และรถยนต์ส่วนตัว โดยล่าสุดแอดได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะช้างโดยรถยนต์ส่วนตัว ออกเดินทางจากกรุงเทพ 06.00 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมงถึงจังหวัดตราด โดยเราสามารถนำรถยนต์ข้ามไปเกาะช้างได้เลย มีท่าเรือ 2 ที่ให้เลือกคือ ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติและท่าเรือเฟอร์รี่เซนเตอร์พอยต์ เรือเริ่มออก 6.45-18.30 รายละเอียดราคาตามภาพรวมถึงภาพบรรยากาศในเรือจ้าาาา

เมื่อถึงเกาะช้างเราขับรถไปทางขวามือเพื่อหาที่พัก(GPS จ้าไม่หลงแน่นอน)

มาดูที่เที่ยวในเกาะช้างที่แอดได้ไปมากันเลยดีกว่า

1.ศาลเจ้าพ่อเกาะช้าง มาถึงเกาะช้างก็ต้องแวะไหว้ขอพรเจ้าพ่อเกาะช้างก่อนที่จะไปเที่ยวที่อื่นๆบนเกาะ ศาลเจ้าพ่อเกาะช้างเป็นที่นับถือและศรัทธาของชาวบ้าน หากขอพรเจ้าพ่อในเรื่องของการช่วยขจัดอุปสรรคต่างๆในชีวิต ช่วยเหลือให้พ้นเคราะห์หรือผ่อนหนักเป็นเบามักจะสำเร็จตามที่ขอ

2.จุดชมวิวไก่แบ้ เป็นจุดชมวิวที่นิยมมาถ่ายรูปกันมากๆเลยค่ะเพราะวิวที่นี่สวยงามมากสามารถมองเห็นทะเลในมุมกว้างเลยทีเดียวแอดเองก็ไม่พลาดจ้า??

3.จุดชมวิวจุดชมวิวหาดทรายขาว ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดบนเกาะช้าง เราจะเห็นหาดทรายขาวทอดตัวยาวคู่กับน้ำทะเลสีฟ้าสวยและเลิศมากๆเลยค่ะ ใครมาเที่ยวเกาะช้างอย่าลืมแวะมาเช็คอินที่นี่นะจ้า…เดี๋ยวจะหาว่าแอดไม่บอก!!!55555

4.อ่าวบางเบ้า( ประภาคารเกาะช้าง)เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยว ที่ต้องแวะมาเก็บภาพสวยๆค่ะ และยังเป็นแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องแวะนั่นก็คือ ประภาคารเกาะช้าง ที่ท่าเรือบางเบ้า เป็นสะพานปูนยื่นออกไปในทะเล ตรงจุดปลายสะพานจะมีประภาคารตั้งเด่นสวยงามมากกกกก

ระหว่างทางก่อนถึงปลายสะพาน มีร้านค้า ร้านอาหาร ของฝาก ร้านคาเฟ่น่ารักๆเยอะมาก รวมถึงที่พักแบบโฮมสเตย์อีกด้วย สวยมากๆจ้า

ค่าจอดรถแอบแพงไปนะคะแอดว่า 50-60 บาทจ้าแต่มาแล้วอะเนาะก็ต้องจอด…จะบ่นทำไม!!!5555

5.ที่พักที่แอดไปพักเองจ้า…พระอาทิตย์ตก??ที่นี้สวยงามมากกกกก..ถ้ามีโอกาสจะมาพักอีกแน่นอน มีสระว่ายน้ำ นอนฟังเสียงคลื่นเบาๆ ริมทะเล ราคาหลักร้อย วิวหลักล้านจริงๆๆๆๆ???

จริงๆแล้วที่เที่ยวบนเกาะช้างยังมีอีกเยอะมากๆเลยจ้า ทั้งน้ำตก ชายหาดสวยๆอีกหลายหาด วันนี้แอดนำมาฝากเฉพาะที่แอดได้ไปสัมผัสมาแล้วจริงๆจ้า 1 คืน 2วันกับบรรยากาศที่สวยงามและอากาศที่สดชื่น…พร้อมกลับไปลุยงานต่อแล้วจ้า….✌️✌️????

ลานกางเต็นท์ลำตะคอง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อากาศเย็นๆของเดือนธันวาคม แอดได้มีโอกาสพาครอบครัวออกไปตั้งแคมป์กางเต็นท์นอนตากอากาศกันที่ลานกางเต็นท์ลำตะคอง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราได้ทำการจองเต็นท์จากweb ของทางอุทยานจำนวน 1 คืนเต็นท์สำหรับ 3 คนและที่รองนอน 3 อันราคารวม 1 คืน 285 บาท

เราเดินทางขึ้นเขาใหญ่ทางจังหวัดนครนายกเมื่อเดินทางมาถึงทางเข้าจะเสียค่าเข้าอุทยานคือค่ารถยนต์ 4 ล้อ 50 บาทผู้ใหญ่ 3 คน 120 รวมเป็น 170 บาทและเมื่อถึงลานกางเต็นท์ลำตะคอง เสียค่าเข้าพื้นที่อีกคนละ 30 บาท จากนั้นเราก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับเต็นท์และที่รองนอน เมื่อรับเต็นท์เป็นที่เรียบร้อยเราเดินหาที่กางเต็นท์ เราได้กางเต็นท์ติดกับริมน้ำ บรรยากาศดี อุณหภูมิ 19 องศาอากาศเย็นกำลังพอดี ที่อาบน้ำ ห้องน้ำถือว่าดีเพียงพอต่อนักท่องเที่ยว เพราะทางลานกางเต็นท์ลำตะคองจะจำกัดคนเข้าพื้นที่ 1000 คนต่อวัน โดยเป็น walk in ไม่เกิน 760 คน ถือว่ากำลังดีไม่แออัด

ในลานกางเต็นท์ลำตะคอง ยังมีธารน้ำไหลสามารถลงเล่นน้ำเย็นๆได้อีก

มีสถานที่ให้ชาร์จแบตมีกำหนดเวลาการชาร์จนะคะ( ไปดูเวลาที่สถานที่ชาร์จกันเองนะคะ) แอดลืมค่ะ?? ใครที่แบตหมดไม่ต้องกลัวขาดการติดต่อนะคะ

ยามค่ำคืนมีหมูกะทะสำหรับคนที่ต้องการปิ้งย่างราคา 350 บาทมีเตาและกะทะให้พร้อมค่ะ (ค่ามัดจำ 150 บาท)

รวมถึงยังมีร้านกาแฟสุดชิก นั่งริมธาร “กาแฟเขาใหญ่”(Khaoyai Coffee) กาแฟดี บรรยากาศเสิศ อากาศเยี่ยม

เออ!! แอดลืมไปในลานกางเต็นท์ลำตะคองมีร้านสวัสดิการให้เลือกชื้อสินค้ามากมาย ใครที่ลืมเอาของจุกจิกมา!สามารถหาชื้อได้ตามใจชอบเลยค่ะ

ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศเย็นๆช่วงเดือนธันวาคมและไม่ต้องเดินทางไกล แอดแนะนำ “ลานกางเต็นท์ลำตะคอง”เขาใหญ่เลยค่ะ ถ้าแอดมีโอกาสจะมาเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ….เสิศมากจึงต้องบอกต่อจ้าาาาา????