น้ำพุเทรวี่(Trevi fountain)

Trevi fountain เป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรมประเทศอิตาลี โดยมีขนาดความสูง 85 ฟุต กว้าง 65 ฟุต น้ำพุแห่งนี้ตั้งอยู่บนทางสามแพร่งโดยเป็นจุดบรรจบของสะพานส่งน้ำแวร์จิเน(Acqua Vergine), สะพานส่งน้ำเวอร์โก(Aqua Virgo)และสะพานส่งน้ำของโรมันโบราณ โดยน้ำพุที่เห็นในปัจจุบันได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1732 โดยการออกแบบของนิโคลา ซาลวิ

น้ำพุแห่งนี้สวยงามด้วยรูปปั่นที่มีความหลากหลายรูปแบบและเต็มไปด้วยความหมาย ซื่งรูปปั้นตรงกลางเป็นรูปปั้น “เทพเนปจูน”ขี่ม้าติดปีกแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ขนาบข้างด้วยไททันเทพครึ่งคนครึ่งปลา ที่ทั้งสองควบม้าที่แตกต่างกัน คือตัวหนึงดูเชื่องแต่อีกตัวดูพยศ นั้นเปรียบได้กับท้องทะเลที่ไม่มีความแน่นอน ม้าที่ดูเชื่องเปรียบเหมือนทะเลยามสงบสวยงาม ส่วนม้าที่พยศเปรียบเหมือนทะเลที่บ้าคลั่งน่ากลัวนั้นเอง

น้ำพุแห่งนี้เปิด 24 ชั่วโมงสามารถเที่ยวชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องก็จะสวยงามสดใส มีชีวิตชีวา ส่วนในยามค่ำคืนก็จะมีแสงของหลอดไฟบริเวณน้ำพุร่วมกับแสงจันทร์ก็จะงดงาม และน่าหลงใหลเป็นเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปจ้า

เล่ามาสะเยอะเลย แอดเองได้มีโอกาสไปในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มซึ่งที่กรุงโรมก็ยังสว่างมากๆ เลยได้เก็บภาพแบบสว่างๆมาให้ชมกันจ้าทุกคน

และอีกหนึ่งความเชื่อของผู้ที่มาเที่ยวชมน้ำพุเทรวี่ ก็คือการโยนเหรียญอธิษฐาน โดยตามธรรมเนียมนั้นสามารถโยนเหรียญสกุลเงินใดก็ได้ แล้วอธิษฐานขอให้ได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้งก่อนที่จะโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายแล้วให้เหรียญหล่นลงในน้ำพุให้ได้ หากเหรียญหล่นลงในน้ำพุก็เชื่อกันว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แอดและครอบครัวก็ไม่พลาดที่โยนและอธิษฐานจ้า แนะนำว่าโยนเหรียญที่ใหญ่และหนักหน่อยนะคะเดี๋ยวจะโยนไม่ถึงน้ำพุจ้า 555555

มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ความนิยมมาเที่ยวและอธิษฐานโยนเหรียญ โดยในแต่ละวันมีผู้โยนเหรียญลงไปในน้ำพุมากกว่า 3000 ยูโรกันเลยที่เดียว ซึ่งเงินที่ได้ก็นำไปบำรุงซุปเปอร์มาร์เกตสำหรับช่วยเหลือผู้ยากจนในกรุงโรมอีกด้วย ได้โยนเหรียญอธิษฐานแถมยังได้ทำบุญกันอีกด้วยจ้าทุกคน🙏🙏😄😄

เวโรนา(Verona)อิตาลี

เวโรนา เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การ UNESCO มีสมญานามว่า “Little Roman” เมืองเล็กๆ สุดโรแมนติกแห่งอิตาลี เป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากอีกหนึ่งเมืองของอิตาลี และยังเป็นต้นกำเนิดผลงานของ วิลเลียม เชกสเปียร์ โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมตำนวนรักอมตะของโรมิโอจูเลียต ที่ใครได้มาเมืองเวโรนาจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของความรักอบอวลไปทั่วทั่งเมือง

ไปกันเลย!! แอดเดินทางด้วยรถส่วนตัวจากSan Bonifacio เลยใช้เวลาไม่นานก็ถึงในเมืองเวโรนาแล้ว เราก็เริ่มเที่ยวกันเลยจ้า😄😄

Arena di Verona คือสนามกีฬาของเวโรนา เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2000 ปีสามารถจุคนได้ถึง 15000 คน ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โอเปร่า ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวโรนาเลยก็ว่าได้ ใครที่มาถึงแล้วต้องไม่พลาดการแวะถ่ายรูปเช็คอินนะคะ

Torre del Lamberti หอคอแลมเบอร์ติ เป็นจุดชมวิวมุมสูง ที่ตั้งอยู่ที่จตุรัส Piazza delle Erbe ในอดีตคอหอยแห่งนี้ใช้สำหรับสังเกตการณ์และเตือนภัยในยุคที่มีสงคราม ในหอคอยมีลิฟต์ขึ้นประมาณ 7 ชั้นและขึ้นบันไดอีก 2 ชั้นด้านในมีระฆังเหล็กขนาดใหญ่( เสียค่าเข้าชม 5 ยูโร ) แต่แอดไม่ขึ้นไปจ้า แต่เก็บรูปมาฝาก บริเวณจัตุรัสมีสินค้าของฝากให้เราได้เลือกชื้ออีกด้วย

หลังจากเดินเลือกชื้อของและหาของกินเรียบร้อยเราต่อกันด้วยบรรยากาศสวยๆบนถูเขาและสามารถมองเห็นเวโรนาได้ทั้งเมืองรวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำอดิเจ(Adige River) ภาพที่ถ่ายมาเหมือนภาพวาดยังไงยังงั้นเลย สวยงามมากจริงๆ🤟💕

ปิดท้ายด้วยถนนคนเดินVie Mazzini เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างจัตุรัสPiazza Bra กับจัตุรัสPiazza delle Erbe สองช้างทางเต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์เนมต่างๆมากมาย เช่น Prada, Mont Blanc, Benetton,Ralph Lauren,Cucci,Givenchy,Sisley และอื่นๆอีกมายมาย มีให้เลือกชมเยอะมากกกกกก

ท้ายสุด อย่าลืมถ่ายรูปกับหัวใจเหล็กดวงนี้จ้า แอดเห็นว่าใครผ่านมาต้องได้ถ่ายจ้า เลยจัดมาเช่นกันจ้า😁😁

มิลาน 2022

เมืองมิลาน(Milan) ประเทศอิตาลี ถือว่าเป็นเมืองผู้นำทางแฟชั่นระดับโลก กันเลยทีเดียว แบรนด์เนมดังๆ เช่น Prada(Milano) Versace และอื่นๆอีกมากมาย เมืองมิลานเองยังมีประชากรมากเป็นอันดับสองรองจากกรุงโรม ไม่ว่าใครก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศของเมืองที่ผสมผสานความเก่าแก่และทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2022 แอดและครอบครัวได้มีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่ เมือง เวโรน่า อิตาลี ประมาณ 20 วัน เราไม่พลาดการเดินทางท่องเที่ยวไปชมเมืองต่างๆในประเทศอิตาลี แน่นอน

พอบินถึงเมืองเวนิส( Venice ) เราออกจากสนามบินโดยรถส่วนตัว เข้าพักกับครอบครัวที่ เวโรน่า เราพักผ่อนกันเต็มที่ จากนั้นวันที่ 2 เราไม่พลาดที่จะไปเมืองแห่งแฟชั่น นั้นก็คือ มิลาน(Milano) ไปกันเลย!!!!

เราเริ่มการเดินทางโดยรถไฟฟ้า จากสถานี San Bonifacio (เวโรน่า) และต่อรถไฟฟ้าที่ Verona Porta Nuova(Verona PN)เสียค่ารถไฟฟ้าประมาณ 85 ยูโร( 3 คน) เราสามารถชื้อตั่วที่สถานีรถไฟเองได้เลย เราไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ใช้เวลาเดินทางไปและกลับประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที รถไฟฟ้าที่นี่ตรงเวลามากกกกก…ไปดูกันเลย!! ว่าเราไปไหนกันบ้างใน 1 วัน

เริ่มต้นจากสถานีรถไฟ มิลาน(Milano)

รถไม่ต้องจ้า!!!! เราเดินกันจ้า ตาม GPS 55555 ยั่งว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง”หิวจ้า” หาของกินก่อน ไม่มีอะไรมาก กาแฟ ขนมปัง “ขอบอกเลยว่าที่อิตาลี กาแฟ สุดยอดมากกกก รสชาติดีเยี่ยมทุกร้านจริงๆ 👍👍👍

มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral หรือ Duomo di Milano) เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอันดับหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของมิลาน เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองมิลานอีกทั้งยังเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรมอีกด้วย ลักษณะเด่นของวิหารแห่งนี้คือมียอดแหลมทั้งหมด 135 ยอดทำให้ถูกเรียกว่า”วิหารเม่น” ซึ่งมีลวดลายที่วิจิตและสวยงามมากๆทั่งภายนอกและภายใน ลานหน้าวิหารยังมีการจัดการแสดงต่างๆ เช่นจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงการถ่ายPre wedding อีกด้วย

หลังจากเราเดินชมภายนอกเรียบร้อย ก็ได้เวลาเที่ยวชมด้านใน ซึ่งเรา 3 คนได้ทำการจองตั๋วเข้าชมในราคาประมาณ 43 ยูโรต่อ 3 คน คือเที่ยวชมทั้งหมดของวิหาร ที้งหลังคา ระเบียง และด้านในวิหาร …ขอบอกก่อนนะคะ เตรียมร่างกายให้พร้อมนะคะ เดินขึ้นบันไดโหด!!ใช้ได้เลยค่ะ บันไดแคบและเล็ก วนหลายรอบกว่าจะถึงด้านบน…ถึงกับหอบกันเลยทีเดียว55555

หลังจากที่เราเที่ยวชมวิหารมิลาน เสร็จเป็นที่เรียบร้อย แอดไม่พลาดแน่นอนกับ ห้างที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีและเป็นหนึ่งในห้างที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย หันหน้าเข้าวิหารมิลาน ห้างจะอยู่ทางซ้ายมือ

กัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล(Galleria Vittorio Emanuel ll) เดินเข้ามาจะพบกับอาคารที่มีหลังคากระจกโค้ง ทางเข้าเป็นประตูโดม ที่นี่คืออีกที่ ที่ผู้มาเยือนมิลานต้องแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและช้อปปิ้งของแบรนด์เนมร้านดัง Prada, Versace, Louis Vuitton, Christian Dior,Findi , Channel และอื่นๆอีกมากมาย แบรนด์ดังต่างๆล้วนเกิดขึ้นจากประเทศอิตาลี

ปลายทางอีกด้านของ Galleria Vittorio Emanuel ll จะเข้าสู่ Piazza del Scala หรือโรงละครโอเปร่า ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงของอิตาลี แต่ที่เด่นที่สุดของจัตุรัสนี้คือ อนุเสาวรีย์ของ เลโอนาโด ดาวินชี่ ศิลปินแห่งยุคเรเนสซองช์ ขนาบข้างด้วยศิษย์เอก 4 คนแทนความสามารถทั้ง 4 ด้านของเขา จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และวิศวกรรม โดยที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทั้งคนมิลานและนักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปกับ เลโอนาร์โด ดาวินชี ซึ่งเราเองก็ไม่พลาดจ้า….

มิลานยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ซึ่งถ้าแอดและครอบครัวมีโอกาสจะไปเที่ยวชมอีกจ้า…….ติดตามบทความที่เที่ยวอื่นๆในประเทศอิตาลีต่อด้วยนะทุกคน

💕💕มิลาน