You are currently viewing กาแฟคืออะไร

กาแฟคืออะไร

  • Post author:
  • Post category:blog

กาแฟ(Coffee)เป็นเครื่องดิ่มที่ผู้คนนิยมดื่มและขายกันเป็นจำนวนมาก ส่วนมากกาแฟที่ดื่มกันทุกวันนี้ทำมาจากเม็ดกาแฟคั่วชึ่งได้มาจากต้นกาแฟ นิยมดื่มทั้งร้อนและเย็น

ชนิดของเม็ดกาแฟ มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์แต่หลักๆที่ได้รับความนิยมได้แก่

อาราบิก้า(Arabica) เป็นสายพันธ์ที่นิยมปลูกและบริโภคกันมากที่สุด กาแฟสายพันธ์นี้ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณสารกาแฟชั้นดี มีกลิ่นและมีรสชาติดีที่สุด

เมล็ดกาแฟอราบิก้าจะมีรูปทรงค่อนข้างเรียวผอม รอยผ่ามีลักษณะคล้ายตัว S เมื่อผ่านกระบวนการผลิตแล้ว กาแฟพันธุ์นี้จะมีกลิ่นหอมหวาน อบอวล ซับซ้อน คล้ายกลิ่นชอกโกแลตและดอกไม้ รสชาตินุ่มละมุน

กาแฟอราบิก้าชอบความเย็น เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน แม่ฮ่องสอนและลำปาง

โรบัสต้า(Robusta) เป็นกาแฟที่ให้รสชาติด้อยกว่าอราบิก้า เพราะมีรสชาติขม เปรี้ยวและฝาดมากกว่า แต่ความเข้มข้นของกาแฟพันธุ์นี้จะมีมากว่า สามารถรับรู้ได้ในเวลาดื่ม ส่วนใหญ่จะนำมาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือนำไปผสมกับกาแฟพันธุ์อาราบิก้า เพื่อให้ได้รสชาติที่แตกต่างกันไป

กาแฟพันธ์นี้เป็นกาแฟต้องการความชุ่มชื้นสูง ปลูกง่ายและให้ผลผลิตมาก นิยมปลูกกันมากในทวีปอัฟริกาและเอเชีย สำหรับประเทศไทยนิยมปลูกทางภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช

เมล็ดพันธุ์ของโรบัสต้าจะอวบอ้วน ด้านหลังมีลักษณะนูนเป็นหลังเต๋า รอยผ่าตรงกลางเมล็ดจะค่อนข้างตรง สายพันธุ์นี้กลิ่นไม่หอมหวานอบอวล ไม่ซับซ้อน รสชาติฝาดกว่าพันธุ์อาราบิก้า

กาแฟในปัจจุบันมีความเฉพาะเจาะจงในการปลูกมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีการระบุถึงประเทศ ภูมิภาค และบางครั้งต้องบอกว่าปลูกที่พื้นที่บริเวณไหนกันเลยทีเดียว ถิ่นที่ปลูกกาแฟ พื้นดินและสภาพแวดล้อมที่ต่างกันไปทำให้รสชาติของกาแฟก็แตกต่างกันออกไปด้วย กาแฟโรบัสต้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดชนิดหนึ่งของโลกได้แก่

โกปิ ลูวัค (Kopi Luwak) ของอินโดนีเซีย เมล็ดของกาแฟชนิดนี้ถูกเก็บมาจากมูลของชะมด (Common Palm Civet) ซึ่งกระบวนการย่อยภายในร่างกายของชะมดทำให้ได้รสชาติที่ดีเป็นพิเศษเรียกเป็นภาษาไทยว่า “กาแฟขี้ชะมด” ปัจจุบันเมล็ดกาแฟ 20-30 กิโลกรัม จะได้กาแฟขี้ชะมดเพียง 3 กิโลกรัมเท่านั้นดังนั้นทำให้ราคาขายต่อกิโลกรัมอยู่ที่ประมาณ 20000 บาท/ กิโลกรัม ยิ่งการเก็บบ่มเมล็ดกาแฟนานราคาก็จะยิ่งสูง ราคาขายกาแฟหน้าร้านต่อแก้วอยู่ที่ราคาประมาณแก้วละ 400-500 บาท

และกาแฟที่หายากมากและเป็นกาแฟที่รสชาติดีและแพงที่สุดในโลก ก็คือ

กาแฟบลูเมาท์เทน(Jamaica Blue Mountain) ต้องเป็นกาแฟที่มาจาก Jamaica ที่ปลูกบนภูเขา Blue Mountain เท่านั้นถ้าปลูกในพื้นที่สูงกว่า 1500 ฟุตจะเรียกว่า Jamaica High Mountain ถ้าปลูกต่ำกว่าเรียกว่า Jamaica Supreme Mountain ซึ่งผลผลิตส่วนมากจะถูกส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งกันไป ชึ่งราคาต่อกิโลกรัมสูงมาก

บลูเมาท์เทนของแท้ต้องมาจากสายพันธุ์ทริปิก้า(Tropica) ที่เก็บจากเกาะจาไมก้าเท่านั้น มีรสชาติโดยรวมที่ผสมผสานความหอม ความสดชื่นมีชีวิตชีวา และน้ำหนักกาแฟเข้าด้วยกัน รสชาติจึงออกมาหอมหวานขาดความขม มีความกลมกล่อม กลิ่นหอมนุ่มนวล ให้ความสดชื่นเหมือนยืนอยู่บนภูเขาสูงฟ้าใส ชึ่ง Jamaica Blue Mountain แท้ๆจะต้องมีใบรับรองจากรัฐบาลจาไมก้าเท่านั้นราคาจำหน่ายกาแฟคั่วบด Jamaica Blue Mountain จำหน่ายในราคาเกือบ 20000 บาท/กิโลกรัม

มารู้จักชื่อเรียกเครื่องดื่มแต่ละชนิดที่ทำมาจากกาแฟกันดีกว่าค่ะ

1.กาแฟดำ (Black Coffee) เป็นการชงด้วยวิธีการหยดน้ำ อาจเป็นแบบให้น้ำซึม เสิร์ฟโดยไม่ใส่นม อาจเติมน้ำตาลได้ ส่วนมากจะเข้าใจว่าเป็นอย่างเดียวกับเอสเพรสโซ่

“ชึ่งไม่ใช่”กาแฟทั้งสองชนิดมีความต่างกันค่ะ

2.เอสเปรสโซ่ (Espresso) คือกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและหนักแน่น ด้วยวิธีการชงจะใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียด เอสเปรสโซ มาจากภาษาอิตาลี “Espresso”แปลว่าเร่งด่วน สำหรับกาแฟเอสเปรสโซจะไม่ปรุงด้วยน้ำตาลและนม มักจะเสิร์ฟเป็นชอต(แบบแก้วชอตเล็กๆ) การสั่งเอสเปรสโซ่ตามร้านกาแฟทั่วไปของแต่ละประเทศ จะสั่งเป็นแบบ “ชิงเกิล” หรือ “ดับเบิ้ล” คือ 1 ชอตหรือ 2 ชอตเพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ๆ เพราะเอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน

แต่ในประเทศไทยจะชินและนิยมกับการสั่งการกาแฟตามร้านทั่วไปว่า “เอสเปรสโซ่เย็น” ชึ่งใส่ทั้งนมและน้ำตาล ชึ่งประเทศทั่วๆไปจะไม่มีนะคะ

สำหรับ เอสเปรสโซ่แล้วจะ ไม่ใส่นม ไม่ใส่ครีม ไม่ใส่น้ำตาล และไม่ใส่น้ำแข็งค่ะ “กาแฟเพรียวๆเท่านั้นค่ะ”

3.อเมริกาโน่ (Americano) คือเครื่องดื่มกาแฟชึ่งมีวิธีการชงโดยเติมน้ำร้อนผสมลงไปในเอสเปรสโซ่ ทำให้อเมริกาโน่เจือจาง มีความแก่พอๆกับกาแฟธรรมดา เหมาะสมหรับผู้ที่ชอบกาแฟดำแต่ไม่แก่และหนักถึงขั้นเอสเปรสโซ่ ส่วนมากก็จะไม่ปรุงนมและน้ำตาล บางท่านก็ดื่มแบบเย็นๆก็สดชื่นไปอีกแบบค่ะ

4.คาปูชิโน่ (Cappuccino) ส่วนผสมหลักคือ เอสเปรสโซ่และ นม โดยมีอัตราส่วน 1/3 ส่วนผสมกับนมสตรีม (นมร้อนผ่านไอน้ำ)และนมตีเป็นโฟมละเอียดลอยอยู่ด้านบน นอกจากนั้นอาจโรยด้วยผงชินนาม่อน หรือ ผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ

5.มอคค่า (Moca) คือกาแฟที่มีส่วนผสมของ เอสเปรสโซ่ นมสด และช็อกโกแลต การชงกาแฟมอคค่าจะใช้ เอสเปรสโซ่ 1/3 ส่วนผสมกัน น้ำนมร้อน 2/3 ส่วนเสริฟได้ทั้งแบบร้อนและเย็นใส่น้ำแข็ง มักตามด้วยวิปครีม

มอคค่า อาจจะหมายถึงกาแฟอาราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่ที่บริเวณ”ท่าเรือมอคค่า” ในประเทศเยเมนก็ได้เพราะมีสี กลิ่นคล้ายช็อกโกแลต ขึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนรู้จักเป็นที่แพร่หลาย

6.ลาเต้ (Latte) เป็นภาษาอิตาลีแปลว่า “นม” กาแฟลาเต้ ก็คือเครื่องดื่มกาแฟที่เตรียมด้วยนมร้อน โดยการเทเอสเปรสโซ่ 1/3 ส่วนและนมร้อนอีก 2/3 ส่วนลงในถ้วยพร้อมๆกันและจะหยดโฟมนมหนาประมาณ 1 ซม.ทับด้านบน ผู้ชงจะใช้วิธีขยับมือเล็กน้อยขณะรินนมและโฟมนมลงบนกาแฟทำให้เกิดลวดลายต่างๆเรียกว่า ลาเต้อาร์ต (Latte Art)หรือศิลปฟองนมในถ้วยกาแฟ

แหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก

1.จาไมก้า (Jamaica) เป็นแหล่งที่ผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก บูลเมาท์เทน (Blue Mountain) ซึ่งปลูกบนยอดเขาสูง (Jamaica Blue Mountain)

2.บราซิล (Barcil) ผลิตกาแฟเป็นอันดับ 1 ของโลก ยี่ห้อที่มีชื่อเสียง บราซิลเลี่ยน ซานโตส (Barzillian Santos)

3.โคลัมเบีย (Columbia) ผลิตกาแฟเป็นอันดับ 2 ของโลก ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงคือ ซูรีโม (Suremo)

4.อินโดนีเซีย (Indonesia) โกปิ ลูวัค (Kopi Luwak) ของอินโดนีเซีย เมล็ดของกาแฟชนิดนี้ถูกเก็บมาจากมูลของชะมด (Common Palm Civet) ซึ่งกระบวนการย่อยภายในร่างกายของชะมดทำให้ได้รสชาติที่ดีเป็นพิเศษ

5.ฮาวาย (Hawai) กาแฟที่ขึ้นชื่อของที่ฮาวายคือ โคน่า (Kona)

6.อินเดีย (India) จะกาแฟรสชาติเฉพาะตัว ชื่อ มอนซูน มาลาบาร์ (Monsooned Malabar)

7.เอธิโอเปีย (Ethiopia) ประชากร 1ใน 4ของประเทศมีรายได้จากอุตสาหกรรมกาแฟ ฮารา ลองเบอรี่ (Harrar Longberry ), ซีดาโม(Sidamo),คาฟฟา (Kaffa) คือกาแฟที่มีชื่อเสียงของเอธิโอเปีย

8.เคนยา (Kenya) “เคนยา AA” คือกาแฟที่มีคุณภาพของประเทศเคนยา

9.เวียดนาม (Vietnam) ปัจจุบันส่งออกกาแฟ แบบมาแรงเทียบเท่าประเทศบราชิล วิธีการชงกาแฟสไตล์เวียดนาม “กาแฟหยดเวียดนาม” กาแฟคั่วบดที่เป็นที่นิยมของเวียดนามคือ ยี่ห้อ “Viet Nguyen” เวียดเหงียน

สำหรับประเทศไทยแล้ว ปลูกกาแฟ โรบัสต้า ประมาณร้อยละ 98โดยปลูกทางภาคใต้ และอีกประมาณ 2 % เป็นกาแฟอาราบิก้าชึ่งปลูกมากทางภาคเหนือ กาแฟที่มีชื่อเสียงของไทย คือ กาแฟดอยช้าง ซึ่งปลูกบนดอยช้าง จังหวัดเขียงราย ถือว่าเป็นกาแฟที่ได้จากขบวนการผลิตที่ได้มาตราฐานสากล และรสชาติดีเทียบเคียงกับกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก

รู้จักชนิดของกาแฟและชนิดของเครื่องดื่มที่ทำมาจากกาแฟรวมถึงแหล่งที่มาของกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลกกันแล้วนะคะ บทความนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นของคนรัก”กาแฟ ” ลองเลือกดื่มกาแฟตามที่เราต้องการดูนะคะว่าเราเหมาะกับกาแฟแบบไหน รสชาติใด

Love Coffee ?